ไม่ใช่แค่เพลง! 6 คลื่นลูกใหม่ WAVS 3 กับ 'สไตล์' ที่คุณต้องกด save playlists ก่อนใคร!

เตรียมหูของคุณให้พร้อมรับพลังงานใหม่! WAVS Project (Warner Audio Visual Space) คือเครื่องพิสูจน์ว่า ‘โอกาส’ และ ‘คุณภาพ’ ในวงการเพลงไทยมีอยู่จริง! โปรเจกต์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเมืองหลวง แต่ได้ทำการคัดเลือกศิลปินอินดี้ที่มีพรสวรรค์จาก ทั่วทุกมุมของประเทศ เพื่อมา อัปสกิล และเปิดทางให้พวกเขาได้เข้ามาสัมผัสโลกวงการเพลงของจริงอย่างมืออาชีพ การแข่งขันในรุ่นนี้ดุเดือดกว่าที่เคย เพราะมีศิลปินกว่า 20 วง ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่การพัฒนาอย่างเข้มข้น และเพื่อไม่ให้คุณต้องพลาดดาวรุ่งพุ่งแรง เราจึงได้คัดสรรสุดยอดศิลปินเพียงบางส่วนจาก WAVS รุ่นที่ 3 มาแนะนำอย่างเจาะลึกในบทความนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะมาทำความรู้จักกับอนาคตของ T-Indie ไปพร้อมกัน!

1. Mek Sippanun

เมฆ สิปปนันทน์ ศิลปินและนักสร้างสรรค์ในโปรเจกต์ WAVS 3 ที่โดดเด่นด้าน Sound Design และ มุมมองที่ลึกล้ำในด้านดนตรี แนวเพลงของเขามักจะเน้น Global Vibe ที่มีการเรียบเรียงซับซ้อนและสร้างอารมณ์เพลงที่ลึกซึ้ง ความสามารถของเขาในฐานะโปรดิวเซอร์คือการ ควบคุมทิศทางของโปรดักชัน และการสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญในการร่วมสร้างรสนิยมใหม่ๆ ให้กับวงการเพลงอินดี้ไทย

2. TananTana

TananTana ตัวแทนของคลื่นลูกใหม่ในแนว Pop/Indie ที่มาพร้อมเสียงร้องที่นุ่มลึกและ Groove ที่แพรวพราว การเรียบเรียงดนตรีของพวกเขาไม่ได้ตามสูตรสำเร็จ แต่มีความละเอียดอ่อนและเป็นสากลอย่างน่าทึ่ง ฟังแล้วให้ Vibe ที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยความจริงใจ ศิลปินวงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเพลง Pop/Indie ไทยก็สามารถมีคุณภาพทัดเทียมกับ Global Chart ได้อย่างสบายๆ

3. Berry Bakama

สำหรับคนที่ตามหาพลังงานแบบเต็มเปี่ยมและซาวด์กีตาร์ที่ดุดันต้องฟัง Berry Bakama วงนี้มาพร้อม Vibe ของ Indie Pop/Synth Pop 80s ที่มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นนิดๆ พวกเขาไม่ได้แค่เล่นดนตรี แต่พวกเขาสร้าง 'Stage Presence' ที่น่าจับตามาก เพลงของ Berry Bakama จึงเต็มไปด้วยความเร่งเร้าและพลังงานที่พร้อมจะระเบิดบนเวที Live House ทุกเมื่อ เป็นวงที่คุณต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง!

4. Dirty Room

Dirty Room วงที่มาพร้อม Vibe ที่อบอุ่นและชวนให้คุณนั่งลงฟังอย่างตั้งใจ พวกเขานำเสนอแนว Indie Folk ที่เน้นเสียงกีตาร์อะคูสติกและเนื้อหาที่สื่อถึงการเล่าเรื่องราวชีวิตอย่างจริงใจ (Storytelling) ดนตรีของพวกเขาให้ความรู้สึกสงบ, เป็นกันเอง, และเต็มไปด้วยความละเมียดละไม ซึ่งตรงกับ Vibe ของผู้ฟังที่ต้องการความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งทางอารมณ์ Dirty Room จึงเป็นตัวแทนของดนตรีที่มาจากหัวใจและสร้างบรรยากาศที่ปลอบโยน

5. OFFICESYNDROME

OFFICESYNDROME วงที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจและเนื้อหาที่โคตรจะ Relate กับชีวิตคนทำงานและคนเรียนยุคใหม่ ดนตรีของพวกเขาผสมผสานแนว Indie Pop/Pop Punk เข้ากับเนื้อเพลงที่เสียดสีชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ฟังแล้วรู้สึกเหมือนมีเพื่อนที่เข้าใจในความเหนื่อยล้า แต่พร้อมจะชวนคุณลุกขึ้นมาเต้นด้วยจังหวะสนุกๆ นี่คือวงที่ใช้ดนตรีบำบัดอาการ 'หมดไฟ' ได้อย่างมีสไตล์และเป็นวิธีการแสดงออกที่ชาญฉลาดมาก

6. Spikyboy

Spikyboy ศิลปินที่โดดเด่นในเรื่อง Personal Style และ Visual Art ที่ชัดเจน เพลงของเขามักจะเป็นแนว Pop/Electronic ที่แฝงความ Punk มีซาวด์ที่ทันสมัยและมีการดีไซน์เสียงที่น่าสนใจ Vibe ของ Spikyboy คือการเป็นอิสระในการสร้างสรรค์โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นผลผลิตที่สมบูรณ์แบบจากการฝึกฝนในโปรเจกต์ที่เปิดกว้างอย่าง WAVS ทำให้เขาเป็นศิลปินที่มาพร้อมความพร้อมทั้งด้าน Sound และ Visual ที่พร้อมจะสร้างอิทธิพลให้กับวงการ

Next
Next

ไม่พลาดแม้แต่วันเดียว! ลายแทงปฏิทิน 'ธันวาเดือด' 7 Festival สุดฉ่ำ สับขาแดนซ์ได้ทุกอาทิตย์!